สารจากผู้บริหาร

“โลกได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 มาแล้วระยะหนึ่งแต่ยังทิ้งความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจและสังคมมาจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับการแบ่งขั้วทางอำนาจของโลกในพื้นที่ต่าง ๆ ทำให้เกิดสงครามระหว่างประเทศต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งทำให้หลายคนได้ลดระดับความสำคัญของปัญหาใหญ่ที่สามารถจะกลืนกินมนุษยชาติและอีกหลายเผ่าพันธุ์บนผืนโลกได้มากกว่าครึ่งในเวลาไม่เกินศตวรรษนี้ นั้นคือ สภาวะโลกร้อน หรือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) หรือ หลายคนเรียกมันว่า สภาวะโลกเดือด

แม้ว่าในการประชุมภาคีว่าด้วยสภาวะโลกร้อนที่จัดโดย UNFCCC ในปี 2023 ที่ผ่านมา COP 28 ที่นครดูไบ เหมือนจะมีรายละเอียดและความคืบหน้ามากขึ้น ถึงเป้าหมายและกระบวนการที่ไปสู่การหยุดยั้งการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก 1.5 ๐C ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย และหน่วยงานเอกชน ประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปลดปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี 2065 แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เห็นความคืบหน้ามากนักในทางปฏิบัติ เพราะส่วนมากจะเป็นแนวทางของการสมัครใจ และการสร้างกลไกในการจูงใจผ่านกองทุนทางการเงินต่างๆ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าอาจไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย และอาจล่าช้าเกินกว่าที่จะแก้ปัญหาสภาวะโลกเดือด เนื่องจากกลไกในการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งส่วนใหญ่มาจากการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิส (ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ) ยังคงมีอิทธิพลและผลประโยชน์สูง ความมั่งคั่งและความเจริญทางเศรษฐกิจยังมีความสำคัญในลำดับแรก โดยเป้าหมายในปี 2030 ต้องการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน (RE) ให้ได้ 3 เท่า และเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน (EE) ให้ได้ 2 เท่าจากปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย

การใช้พลังงานจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงโดยตรงในองค์กร (Scope I) และการใช้พลังงานไฟฟ้าและอื่น ๆ ในองค์กร(Scope II) เป็นเหล่งกำเนิด GHG Emissions ในสัดส่วนที่สูงกว่า 60-70% ที่ทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญ แม้ว่าการใช้พลังงานหมุนเวียนโดยการติดตั้งและผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (Solar cells) เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงประเด็นแต่ไม่ใช่วิธีการที่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด การใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ (EE) ยังจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่ง บางครั้งมีความสับสนว่าการติดตั้ง Solar Cells คือมาตรการประหยัดพลังงานที่ดีที่สุด และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน เช่น ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ 1 ล้านหน่วยต่อปี ก็คิดกันไปว่าสามารถประหยัดพลังงานได้ 1 ล้านหน่วยต่อปีไปด้วย ซึ่งเป็นแนวคิดแบบรวบยอดที่ไม่ถูกต้อง

สำหรับ EQS เราเดินทางร่วมกับลูกค้าที่ใช้บริการด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมมาแล้วกว่า 25 ปี เรายังคงมุ่งมั่นและมีความพร้อมในการให้บริการแก่ลูกค้าด้วยทีมงานที่ปรึกษาที่มีความรู้และประสบการณ์สูง ยึดมั่นในหลักวิชาการที่ถูกต้องเพื่อผลประโยชน์ของลูกค้า และผลประโยชน์ของส่วนรวมเสมอมา เพื่อความยั่งยืนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดย EQS ขอเป็นสกูรตัวเล็กๆ ของฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนความยั่งยืนของโลกใบนี้ของเราตลอดไป”

17 พฤษภาคม 2024